top of page

งาน V-Line หน้าเรียวให้สุดก็ต้องมา ผู้หญิงอย่าหยุดสวยค่ะ!!!


ตามหัวเรื่อง เลยค่ะ V-Line ก็ต้องมา ผู้หญิงอย่าหยุดสวย ค่ะ

สวัสดีเพื่อนๆทุกคนที่ติดตาม กันมานะคะ ถึงเวลาได้ฤกษ์งามยามดีที่จะมานั่งเขียนรีวิว พลีชีพกันสักทีค่ะ

หลายคนสอบถามก็มาเยอะมาก เพราะลงรูปตัวเองอยู่บ่อยๆ วันนี้ก็ได้โอกาสก็จะมาแบ่งปันความสวยเผื่อหลายๆคนสนใจอยากรู้อันไหนเพิ่มเติมถามมาได้เลยนะคะ ไม่มีกั๊ก

ชื่อ พรทิพย์ ค่ะอาชีพเราเองเป็นแม่ค้าขายสบู่ของตัวเองเนี้ยและค่ะ ชีวิตมันต้องอยู่กับความสวยความงามเพราะฉะนั้นมันก็ต้องสวยเป๊ะทุกมุม สวยแล้วก็อยากสวยอีกขึ้นๆไปค่ะ แต่พอส่องกระจก ก็อดขัดจิตไม่ได้กับ Cheekbone มันขัดใจดิฉันเหลือเกินค่ะ เลยอยากกำจัดมันออกค่ะ จะบินไปเกาก็กะไรอยู่เนาะ งานก็จะเยอะหน่อยๆ บวกกับหาข้อมูลที่ไทยแน่นอยู่พอสมควร แต่ก็มีที่นี่แหละที่โดนใจดิฉัน DRK Beauty Clinic ด้วย โปรไฟล์แพทย์ มาตรฐานของคลินิก คุณภาพ ผลงาน ขั้นตอน เอาจริงเทียบไปเทียบมา ดีกว่าเกาอีกค่ะ เลยตรงดิ่งมาเลยค่ะ ที่นี้เท่านั้นตอนแรกก็นัดปรึกษา วันที่มาคือคนมาปรึกษาและทำเยอะมากจิงๆค่ะ เยอะแบบไม่มโน ถือว่าคนให้ความสนใจที่นี้กันมาก แต่ราคาก็เอาเรื่องอยู่ค่ะ แต่ถ้าดีก็ จอบอ ค่ะ สู้ตายเพื่อความสวย

ไม่น้ำและค่ะ คุยแบบเนื้อหาสาระใจความสำคัญเลย นะคะ

ได้คุยกับอาจารย์หมอท่านน่ารักมากๆค่ะ เข้าใจ สื่อสารกันง่าย รับทราบถึงสิ่งที่กังวล ตอนแรกว่าจะแค่โหนกแก้มแต่ไหนๆแล้ว ขอโมชุดใหญ่ไปเลยดีกว่าค่ะ โหนกแก้ม มุมกราม เลื่อนกระดูกปลายคาง เปลี่ยนโครงหน้าใหม่ไปเลย พอคุยกับอาจารย์หมอเสร็จตัดสินไม่นานแล้วก็วางมัดจำทันทีคะ นัดทำ CT SCAN และ ตรวจสุขภาพที่ รพ ผลทุกอย่างผ่าน รอคิวอีกที 1 สัปดาห์ แล้วมานัดคุยดูแบบ Skull-Prototype ที่เป็นโครงกระดูกหน้า และทำแบบ จำลอง 4D ใบหน้าเพื่อวางแผนการผ่าตัดร่วมกับอาจารย์หมอ (ขั้นตอนนี้คุยนานหน่อยแต่โอเค) พอคุยกันจนเคลียแล้วนะคะก็นัดคิวผ่าแบบด่วนจี้ มันทนไม่ไหวแล้วเพราะความสวยมันรออยู่ รอคิวประมาณ 2 สัปดาห์ก็ผ่าตัดเลยค่ะ

ณ รพ ที่ผ่าตัด ทาง DRK เค้าเก๋ตรงที่ปรึกษาที่คลินิกแต่ผ่าตัดที่ รพ เอกชน ค่ะ คือสบายใจหายห่วง ปลอดภัย 100% มีทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญ มีตรวจสุขภาพก่อนผ่า มีหมอวิสัญญีแพทย์ดูแลอย่างดี คือดีคุ้มค่า ก็ซื้อความปลอดภัยให้ตัวเอง สวยไม่เสี่ยงกันนะค่ะ เพราะดิฉันเองเคยเจอข่าว พริตตี้ผ่าตัดแล้วตายแบบงงๆคาคลินิก บอกตรงจุดนี้รับไม่ได้นะค่ะกลัวมากๆๆ แต่มาที่นี้ คือทุกอย่างเป็นขั้นตอน ยุ่งยากหน่อยแต่ปลอดภัย ก็โอเคมากเลยค่ะ หลังจากเข้าห้องผ่าตัดขึ้นเตียงเรียบร้อย อาจารย์วิสัญญีแพทย์จะให้ยาหลับ คุยกันอยู่สักพักเราก็หลับไปเลย ตื่นมาอีกที ก็ระบม ค่ะ มึนยาอยู่บ้าง อยากอาเจียน เวียนหัว คลื่นไส้ แต่ไม่เจ็บนะคะ มันตึงๆค่ะ แต่ก็มีพยาบาลเข้ามาดูแลฉีดยาแก้อาเจียนให้ดิฉันก็เลยสลึมสลือหลับทั้งวัน คืนนั้นนอนสบายเลยค่ะ เป็นการพักผ่อนที่มีความสุขมากค่ะ ท่องไว้ เดี๋ยวก็สวย เดี๋ยวก็สวย ชื่นใจโคตร

หลังจากผ่านคืนแรกไป วันที่ 2 คือชิวเวอร์ กินไรลำบาก ปากตึงๆ หน้าบวม แต่ก็โอเคนะ ทานอาหารอ่อนๆได้อยู่ ไม่ค่อยมีอาการเจ็บปวดอย่างที่คิดที่กลัวเลยค่ะ งานมโนหายไป เพราะชิวมากติดแค่เรื่องบวม T T

ตัดภาพมาวันที่ 3 เป็นวันที่บวมที่สุดในการศัลยกรรมผ่าตัดค่ะ การผ่าตัดที่บวมที่สุดคือวันที่3 แล้วหลังจากนั้นมันจะยุบบวมลงเรื่อยๆค่ะ ซึ่งมันก็บวมได้ใจ บวมสะใจจริงๆ บวมฉ่ำอลังการ แต่เพื่อความสวยแล้ว ต้องอดทนและต้องรอคะ ประคบน้ำแข็งวนไป สู้ตายเพื่อหายบวมจะได้กลับมาเริงร่าไวๆ

เดินทางมาครึ่งหนึ่งของการผ่าตัดแล้วค่ะ// 6 วันหลังผ่าตัด อาการยุบลงได้ดีค่ะ เตรียมตัวที่จะไปตัดไหมหน้าหู ทำไมถึงต้องตัดไหมหน้าหู? เนื่องจากที่ DRK การผ่าตัดยุบโหนกแก้มของที่นี้นั้น อันดับแรกอาจารย์หมอจะตัดกระดูกโดยเปิดแผลจากในปาก (นึกภาพตามนะค่ะ) แล้วใช้เครื่องมือเข้าไปตัดกระดูกเพื่อแยกชิ้นกระดูกออกจากกัน หลังจากนั้นก็มาเปิดแผลหน้าใบหูเป็นแผลเล็กๆ 1-2 CMเพื่อตัดกระดูกอีกจุดหนึ่งให้ชิ้นกระดูกแยกออกจากกัน ที่เปิด2จุดนั้น เพื่อที่จะได้ยุบโหนกแก้มลงทั้งในเรื่องความสูงและความกว้างของโหนกแก้ม ต่อมาอาจารย์หมอก็ทุบและยุบลงไป อาจารย์หมอก็จะฟิกกระดูกที่ตัดนั้นด้วยสกรูไทเทเทียม เพื่อยึดติดไว้อันนี้สำคัญนะคะเพราะถ้าไม่ยึดติดไว้เนี้ย กระดูกมันจะสามารถขยับและลอยได้ และผลสุดท้ายจะไม่เท่ากัน หลังจากยึดเสร็จคุอาจารย์หมอจะกรอแต่งกระดูกโดยใช้เครื่องมือกรอกระดูกอีกตัวเพื่อให้ชิ้นกระดูกเรียบเนียนและเสมอกันไม่เกิดเป็นรอยต่อ หรือ Step ของชิ้นกระดูกได้ค่ะ สรุปง่ายๆนะคะคือรวมเทคนิค ตัด ทุบ ยุบ กรอ ก่อนตัดสินใจทำที่ DRK ได้เห็นเพื่อนๆหลายๆคนไปทำจากที่อื่นมาบ้าง บางที่กรอกระดูกอย่างเดียวไม่เห็นผลต่างของก่อนและหลังทำเลยค่ะ บางทีนั้นเปิดแผลในปากแล้วตัดยุบลงแต่กระดูกด้านหน้าสรุปคือความสูงลดลง แต่หน้ายังบานและกว้างอยู่ ไม่แคบลงเลย และที่พีคสุดๆ เท่าที่เคยเจอมาคือ เปิดแผล2จุดเหมือนที่เราทำแต่ไม่ยึดสกรูที่ชิ้นกระดูก เลยทำให้กระดูกหน้านั้นเบี้ยวไม่เท่ากัน เพราะกระดูกมันขยับตำแหน่ง แถมคลินิกที่ทำไม่รับผิดชอบอะไรเลย เรานี้เศร้าแทนเพื่อนเลยค่ะ เห็นแล้วหดหู่ใจ ทำไมใจร้ายกันแบบนี้

ขั้นตอนการทำผ่าตัดยุบโหนกแก้ม จะประมาณนี้นะคะ เพื่อนๆลองเข้าไปดูกันนะ เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นเพราะดิฉันอธิบายงงๆ ยังไงไม่รู้ 5555+ตามลิงค์นี้นะคะhttps://youtu.be/_qx4qSCeyz4

2 สัปดาหผ่านไป รู้สึกชื้นใจกล้าออกไปไหนมาไหนมากขึ้นค่ะ หน้าเริ่มยุบและเป๊ะขึ้นเรื่อยๆ ของแท้ไม่สปอยค่ะ

อาการหลังผ่าตัดก็ปกติดีค่ะ เริ่มทานอาหารได้มากขึ้น ทานอาหารที่บดเบี้ยวได้ มีตึงๆที่ปากบ้างเล็กน้อย มีเพื่อนชอบถามว่าบวมประมาณกี่วัน สำหรับดิฉันแล้วคิดว่าประมาณ 10 วันก็เริ่มโอเค ลั๊นลาได้แล้วค่ะ

1 เดือนแล้วนะคะ มาตอบคำถามจากเพื่อนๆที่สอบถามกันมาเยอะมากกับคำว่า V-Line หลายคนสงสัยนะคะ ว่า V-Line คืออะไร? คำว่า V-Line นั้นเป็นเพียงคำเรียกเฉยๆอ่าค่ะว่าหน้าเล็กเรียวและวี เพื่อนๆอย่าเข้าใจผิดนะคะว่า V-Line นั้นคือการตัดกระดูกกรามยาวมาถึงปลายคาง ที่อธิบายได้เพราะว่าดิฉันเองถามมาหมดทุกคำถามแล้ว เพราะการตัดกระดูกกรามนั้นไม่ใช่ว่าจะตัดกระดูกอย่างไรก็ได้ตามที่ใจเราต้องการ อันนี้สำคัญมากๆ อาจารย์หมอจะต้องดูเส้นประสาทของใบหน้าด้วยค่ะว่าอยู่ในตำแหน่งไหน ถ้าเส้นประสาทขวางไว้อยู่ก็จะไม่สามารถตัดกระดูกจากมุมกรามยาวไปถึงปลายคางได้ค่ะ เพราะถ้าไปฝืนตัดแล้วเกิดโดนเส้นประสาทฉีกขาดนั้นจะทำให้เกิดผลกระทบได้มากมาย เช่น ปากเบี้ยว ปากชา หรือพิการตลอดชีวิตค่ะ เหมือนเป็นอัมพาตในจุดนั้นไปเลย เหตุผลนี้หลายคนอาจจะยังหาข้อมูลได้ไม่ชัดเจนมากก็จะไม่ทราบเท่าไหร่ค่ะ และนี่คือสาเหตุที่สำคัญที่เราควรทำ CT Scan ก่อนผ่าตัดและขึ้นแบบ Skull-Prototype เพราะหลายที่ผ่าตัดแบบไม่ขึ้นแบบในที่สุดผลหลังผ่าตัดเกิดหน้าเบี้ยว ไม่เท่ากัน ปากชาไม่หาย ปากเบี้ยวก็มี บางคนโดนตัดกรามแล้วไม่กรอกระดูกของมุมที่ตัดไปเลยทำให้หน้าไม่มน พอยุบตัวลงหน้าเห็นชัดเลยว่ากระดูกเป็นเหลี่ยมแบบกระจกห้าเหลี่ยมเลยคร๊า 55555

หลังผ่าตัด 3 เดือนเหมือนเปลี่ยนเราเป็นคนใหม่ บอกลาสาวหน้าโหนก กรามบาน คางสั้น คางฟิลเลอร์คนนั้นไปเลยค่ะ ดีงามมาก มีอาการชาที่ปากบ้างเล็กหน่อยแต่ก็ค่อยๆดีขึ้น คุณหมอบอกว่าใช้เวลาสัก 6 เดือนก็จะหายแล้วหน้าจะยุบขึ้นได้อีกค่ะ ส่วนคางก็จะดูแหลมๆหน่อยในช่วงนี้ไม่ได้มนมาก เพราะว่าฟิลเลอร์ที่เคยฉีดไปที่คางนั้นยังคงเหลืออยู่ เพราะอาจารย์หมอแจ้งว่าไม่สามารถขูดเอาฟิลเลอร์ออกได้หมด สามารถเอาออกได้เพียงบางส่วนเราเลยต้องรอให้ฟิลเลอร์คางยุบสลายไปเอง ตามการเวลาของมัน

เราจะไม่หยุดความสวยไว้ที่ตรงนี้ค่ะ หลังจากมาแล้ว 6 เดือนแล้วแพลนต่อไปที่จะทำ อย่างแรกเลยคือ เสริมหน้าผากด้วย ซิลิโคนที่สั่งหลอมแบบชิ้นต่อชิ้น เลือกระดับความโหนกนู้นได้ตามใจชอบ และที่สำคัญไม่เป็นขอบเป็นรอยของหน้าผาก เพราะสั่งหลอมออกมาแบบพอดีเป๊ะ ลงล๊อกหน้าผากของเราเอง สั่งทำยังไงก็ดีกว่าสำเร็จรูปอยู่แล้ว แล้วอย่างที่สองคือ แก้จมูกโดยใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู เปลี่ยนทรงให้เข้ากับรูปหน้ามากขึ้นและให้เข้ากับหน้าผากที่จะเสริมเป็นแบบ S Curve เพื่อเสริมโหงวเฮ้งให้รับทรัพย์แบบปังๆไปเลยค่ะ ส่วนเลือกทำที่ไหนก็ต้องเลือกทำที่ DRK นี้แหละค่ะ เพราะที่นี้ปั้นให้ดิฉันมาไกลซะขนาดนี้แล้ว จะนอกใจไปไหนได้บอกลาซะ เกาหลี หมอไทยเป๊ะปังกว่าเยอะ แถมสื่อสารกันง่ายๆเข้าใจ ไม่ต้องบินข้ามประเทศ ผ่าน ตม. ให้เสียเวลา ส่วนในเรื่องความละมุน และบริการที่ดี ก็ยกให้ที่ DRK นี้ค่ะ ยังไงฝากติดตามนะคะว่าถ้าผ่าตัดเสริมหน้าผากและแก้ไขจมูกแล้วจะเป็นอย่างไร ตื้นเต้นมากๆเลยค่ะ หน้าเปลี่ยนใหม่เรื่อยๆเลย 555555

Featured Posts
Recent Posts
Search By Tags
bottom of page