top of page

โมกระดูกหน้าใหม่ เลื่อนขากรรไกร ตัดกราม ลดโหนกแก้ม วีไลน์ (รูปเยอะมากกกก) ทุบหน้าที่ไทยแบบจัดเต็ม เป

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชื่อ เม นะคะ ก่อนอื่นเลยเมขอพูดถึงปัญหาบนใบหน้าเมก่อนเลย เมจะมีปัญหาเรื่องหน้าเบี้ยวค่ะ และมีปัญหาเรื่องขากรรไกรล่างค่อมขากรรไกรบนค่ะ พูดง่ายๆก็คือฟันล่างค่อมฟันบนนั่นเอง แต่เมเคยผ่านการจัดฟันแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามาก่อนนะคะ จัดแค่ให้ฟันมันสบกันได้ปกติ แต่โครงสร้างของกระดูกก็ยังคงเหมือนเดิมค่ะ หมอจัดฟันเคยบอกเมแล้วค่ะว่าถ้าอยากแก้ปัญหาให้ตรงจุดจริงๆนั่นคือต้องผ่าขากรรไกรค่

เมื่อถึงเวลาที่เมคิดว่าเมควรจะต้องทำแล้วเพื่อแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น เมเลยจัดการหาข้อมูลหมอกระดูกโดยตรงในประเทศไทย ใช้เวลาศึกษาค่อนข้างนานพอสมควร รวมถึงปรึกษามาหลายที่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และก็นับเป็นความโชคดีของเมค่ะ ที่มีเพื่อนเคยผ่าตัดไขมันกระพุงแก้มที่ DRK CLINIC เมลองเลยศึกษาข้อมูลแพทย์เพิ่มเติมและก็ตัดสินใจเข้ามาปรึกษากับคุณหมอชาญชาย เมื่อได้ปรึกษาเมรู้สึกว่าคุณหมอเข้าใจปัญหาหลักของเราจริงๆว่าเราต้องการแก้ไขอะไร แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า การเลื่อนขากรรไกรของเมนั้นต้องใช้กระดูกบางส่วนในร่างกายของเมมาค้ำช่วงขากรรไกรบน เมื่อปรึกษาไปปรึกษามา เมเลยให้คุณหมอวิเคราะห์ใบหน้าของเม ซึ่งเห็นแบบนี้ปัญหาบนหน้าเมเยอะมาก มีทั้งโหนก ทั้งกราม คางก็สั้นแถมมองด้านข้างคางเหมือนจะยื่น เพราะฟันล่างเมค่อมฟันบนมาก่อน อีกทั้งช่วงใบหน้าของเมก็ไม่สมส่วน ทำให้มีปัญหาเรื่องการยิ้ม ไม่เคยยิ้มเห็นฟันเลยค่ะตั้งแต่เกิดมา ไม่มีความมั่นใจเลย ฉนั้นเมื่อทำทั้งที เมอยากให้มันเจ็บและจบทีเดียวเลย เมเลยตัดสินใจทำทั้งวีไลน์ (ทุบโหนก+ตัดกราม+สไลค์ปลายคาง)+เลื่อนขากรรไกรทั้งบนล่าง ทีเดียวเลยค่ะ

อะไรที่ทำให้เมตัดสินใจทำที่ DRK CLINIC ความประทับใจแรกเลยคือการบริการ การให้คำปรึกษา การดูแลของพี่ๆทุกคนในคลินิคดีมากๆ รวมถึงขั้นตอนการทำงานภายในเป็นระบบระเบียบ มีความสะอาด ถูกอนามัย ไม่เน้นhard sale เพราะไม่บีบบังคับเมให้เมมีความรู้สึกลำบากใจในการตัดสินใจ เพราะเงินที่จ่ายไปไม่ใช่น้อยๆค่ะ ดังนั้นเมต้องใช้เวลาในการคิดทบทวนและตัดสินใจให้รอบคอบ หน้าเรามีแค่หน้าเดียว เมก็ต้องมั่นใจที่ที่ดีที่สุดที่เราสามารถฝากชีวิตและใบหน้าของเราได้ รวมถึงที่นี่มีเครื่องมือที่ทันสมัย นวัตกรรมต่างๆที่น่าสนใจ การแสกนโครงหน้าวิเคราะห์แบบ 4D และจำลองรูปกะโหลกของเราขึ้นมา สำหรับเมเมเลยค่อนข้างมั่นใจกับที่นี่มากๆ รวมถึงตัวคุณหมอเอง เมดูรีวิวเยอะมากๆที่ผ่านมา แต่รีวิวสมัยนี้ก็ต้องดูดีดี เพราะหน้าม้าก็เยอะ เชื่อถือได้ยาก ดังนั้นถ้าใครกำลังศึกษาหาข้อมูลการทุบหน้า ตัดขากรรไกรอยู่ละก็ หาข้อมูลดีดีค่ะ ไม่ว่าจะในไทยและต่างประเทศ ยังไม่ต้องเชื่อรีวิวของเม แต่แนะนำให้เข้าพบกับคุณหมอโดยตรงเลย ว่าคุณหมอเข้าใจปัญหาของเรามากน้อยแค่ไหน เราเชื่อใจและไว้วางใจฝีมือคุณหมอและคลินิคได้มากน้อยแค่ไหน อย่างที่เมบอกไว้เบื้องต้น หน้าเรามีแค่ใบหน้าเดียว อย่าคำนึงแต่ราคาที่มันถูก จัดโปรงามๆ หรือรีวิวที่มันเกินจริง ทำออกมาถ้ามันพลาด มันแก้ไขไม่ได้เลยนะคะ ฉนั้นคิดให้รอบคอบและตัดสินใจดีดีค่ะ

หลังจากได้พูดคุยกับคุณหมอแล้ว เมื่อเมได้กลับไปตัดสินใจอย่างถี่ถ้วน เมก็กลับมาที่คลินิคเพื่อพบกับคุณหมออีกครั้ง คุณหมอก็นัดวันทำ CT SCAN เพื่อดูว่าโครงสร้างใบหน้าเมที่แท้จริงเป็นอย่างไร มีปัญหาข้างซ้ายและขวาแตกต่างกันอย่างไร โหนกแต่ละข้างต้องเอาออกกี่ซม. กรามต้องเอาออกแต่ละข้างกี่ซม. ทุกอย่างมองด้วยตาเปล่าไม่ได้ค่ะ ต้องผ่านเครื่อง CT SACN ออกมาและสร้างแบบจำลองกะโหลกเราขึ้นมา เพื่อความแม่นยำ เมื่อได้เข้าพบคุณหมอเสร็จเรียบร้อย เมก็ออกมาคุยเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เมต้องเสีย บทสรุปเลยคือ วีไลน์ 345,000 และขากรรไกรทั้งบนล่าง 500,000 รวมราคาทั้งหมดในตอนนั้นที่เมทำอยู่ที่ 845,000 บาทถ้วน เป็นไงหล่ะค่ะราคาเอาเรื่องเลย แต่ถามว่าตกใจมากมั้ย ไม่มากค่ะเพราะก่อนหน้านี้เมศึกษามาเยอะ ราคาทำขากรรไกรมันโหดจริงๆค่ะ ยิ่งรวมทั้งบนล่างด้วยแล้วยังไงก็โหดแน่นอนค่ะ เมเลยก็ตัดสินใจวางเงินมัดจำ จำได้ว่ามัดจำอย่างละ 20,000 บาท บทสรุปบนใบหน้าเมต้องทำทั้งหมด 5 รายการ เมเลยมัดจำครั้งแรกไป 100,000 บาทค่ะ

นี่คือ โครงหน้าเมก่อนทำค่ะ สดๆกันไปเลยทีเดียว ถ้ามองดีดีหน้าเมเบี้ยวด้วยนะคะ เบี้ยวมาก ปากก็เบี้ยวค่ะ หน้าสั้น โหนก กรามมาเต็ม แถมช่วงหลังเมมีปัญหาเรื่องการเคี้ยวด้วยเพราะขากรรไกรมันมีปัญหา กินอาหารแล้วบางทีเจ็บคะ บดเคี้ยวลำบาก ทำให้ไม่อยากอาหาร ผอมลงไปอีกค่ะ

ให้ดูมุมอื่นๆด้วยนะคะ ตอนเมแต่งหน้าทำงาน ก็จะมีปัญหาเรื่องการยิ้ม รวมถึงต้องหลบมุมหน้า เพราะกรามและโหนก รวมถึงการที่ขากรรไกรล่างเมค่อมขากรรไกรบน ทำให้หน้าเมดูเหมือนคนมีอายุ เพราะมันงุ้มเข้าตลอด เวลาพูดเวลายิ้มจะไม่เห็นฟันบนเลยค่ะ รวมถึงเวลาลงรูปตามโชเชียล เมก็ต้องมานั่งใช้ App เอาโหนกเข้านิด เอากรามเข้าหน่อย (กล้าสารภาพได้อย่างไม่อายเลยจริงๆค่ะ555) กว่าจะได้ลงแต่ละรูปเหนื่อยค่ะ

ทีนี้เมจะเริ่มขั้นตอนตั้งแต่แรกเลยนะคะ อันดับแรกคือการ X-ray โครงหน้าและจำลองโครงกระดูกใบหน้าของเราขึ้นมา มันทำให้เราเห็นถึงปัญหาหลักๆของเราได้อย่างชัดเจนว่ามันคืออะไร และผลอันนี้คุณหมอก็จะนำไปวางแผนก่อนการผ่าตัด ว่าแต่ละส่วนต้องเอาออกเท่าไหร่ จะได้ไม่เกิดความผิดพลาดค่ะ

และภาพด้านบนนี้ก็เป็นผลลัพท์ของการทำ CT SCAN และการจำลองโครงกะโหลกของเราคะ เห็นได้ว่าปัญหาเยอมากๆของเม ทั้งกราม ทั้งขากรรไกร หนักค่ะ

และนี่เป็นแผนการผ่าของคุณหมอที่ได้ทำไว้ค่ะ คือประทับใจมากๆ ถึงความละเอียด มีความรอบคอบวัดสัดส่วนอย่างแม่นยำเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด คิดไม่ผิดจริงๆค่ะที่เลือกทำที่นี่

หลังจากนั้นก่อนการผ่า 1 วัน ทางคลินิคได้นัดเมเข้าไปมัดฟันค่ะ อยากจะบอกว่า เจ็บมากกกกกกกกก พูดได้ไม่อายปากเลยค่ะว่าทรมาณมาก เหล็กเกี่ยวเหงือกระบมไปหมด นอนปวดทั้งคืน ได้แต่บอกตัวเองว่าอดทนไว้ลูก อดทนไว้ พรุ่งนี้เราต้องเจอหนักกว่านี้ ขอบอกเลยว่าปลอบใจตัวเองทั้งน้ำตา 555

และแล้วก็มาถึงวันผ่า ถ่ายหน้านี้เก็บไว้ดูเป็นครั้งสุดท้าย หน้าตาไม่สู้ดีนัก ปวดฟันค่ะ 555 มีความกลัวและตื่นเต้นมากๆ แต่ก็ใจสู้ค่ะ ทางคลินิคให้เมอดข้าวอดน้ำ เมลืมบอกไปว่าก่อนการผ่าประมาณ 1 สัปดาห์ทางคลินิคได้ส่งตัวเมให้ไปตรวจเลือดตรวจร่างกายทุกอย่างนะคะ เพื่อดูว่าร่างกายเราพร้อมสำหรับการผ่าครั้งนี้หรือไม่ เรามีโรคประจำตัวอะไรมั้ย อยากจะบอกว่าทางคลินิคคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้มากๆค่ะ ถ้ามีอะไรที่มันเป็นอันตราย ทางคลินิคจะยุติการผ่าทันทีค่ะ

มาต่อในเรื่องวันผ่านะคะ ของเมคุณหมอผ่าที่โรงพยาบาลเปาโล สะพานควายค่ะ เมเข้าห้องผ่าประมาณบ่ายโมง คุณหมอแจ้งว่าใช้เวลาผ่าทั้งหมดรวมๆ 7-8 ชั่วโมง วางยาสลบยาวเลยค่ะ แล้วก็มีการต่อท่อปัสสาวะด้วยค่ะ ฟังๆดูแล้วโหดไม่เบาเลย 555

และแล้ว...สภาพหลังออกจากห้องผ่า แฟนและเพื่อนเมบอกว่า เมเข้าห้องผ่าตอนบ่ายโมง ออกจากห้องผ่ามาประมาณ 5 ทุ่มค่ะ ตอนนั้นจำได้ว่า ไม่รู้ตัวอะไรเลยค่ะ รับรู้ได้ลางๆว่าคนรอบข้างเรียกหรือทำอะไร แต่ก็ไม่ตอบสนองอะไรทั้งนั้นค่ะ มึนยาสลบ ปากนี่บวมไปหมดเพราะผ่าและเย็บในปากทั้งหมด ถามว่าฟื้นขึ้นมามีอาการอะไรบ้างมั้ย ไม่มีอาการอ้วก อาเจียนอะไรเลยนะคะ จำได้ว่าหิว หิวมาก ความเจ็บ ณ ตอนนั้น ยังไม่รู้สึกค่ะ เพระคงยังมึนยาสลบอยู่ ยังต่อท่อปัสสาวะอยู่ค่ะ รวมถึงอ้าปากไม่ได้เลย เหมือนมีคนเอาด้ายมาเย็บปากด้านนอกไว้

** ในการผ่าตัดครั้งนี้ เมได้ทำอะไรบ้าง? เมได้ทำการทุบโหนกทั้งสองข้าง ตัดกรามทั้งสองข้าง หลังจากนั้นได้นำกระดูกกรามส่วนนึงขึ้นมาต่อส่วนขากรรไกรบนเพื่อเลื่อนขากรรไกรบนของเมลงมาแล้วดันขากรรไกรบนออกมา รวมถึงผลักขากรรไกรล่างให้เข้าไป ได้ทำการสไลค์และตกแต่งปลายคางจากที่สั้นๆทู่ๆให้มีความยาวขึ้นและมนขึ้น ยึดน๊อตสกรูทั้งหน้า เดี๋ยวให้ดูภาพx-ray น๊อตในหน้าเมนะคะ อ่านไปเรื่อยๆเดี๋ยวเจอแน่นอนค่ะ

วันที่ 2 สภาพก็ยังดูไม่ได้อยู่ค่ะ มีความมึน ความเบลอนิดๆ ต้องประคบเย็นรอบใบหน้าตลอดเวลา ถามว่าปวดมั้ย ตอนนี้เริ่มมีอาการปวดๆบ้าง เลลือดที่จมูกไหลตลอดค่ะของเม เพราะเมเลื่อนขากรรไกรบนลงมา แล้วเอาขากรรไกรล่างผลักเข้าไป ทำให้เกิดช่องโหว่ของขากรรไกรบน ทำให้มีอาการเลือดซึมในช่วงแรกๆค่ะ

อาหารที่เมทานได้มีแต่อาหารเหลว เหลวคือเหลวจริงๆค่ะ มีเศษข้าวสักนิดลอดไม่ได้เลยค่ะ น่าสงสารมั้ยค่ะ ต้องใช้สลิงค์ดูดอาหารแล้วแหย่เข้าทางช่องปากค่ะ คิดซะว่าลดน้ำหนักไปในตัว จำได้ว่าน้ำหนักลงไปเหลือถึง 41 กิโล ไม่เคยเบาขนาดนี้มาก่อน ส่วนภาพด้านขวา เป็นภาพกระดูกกรามทั้ง 2 ข้างค่ะที่เมได้ตัดออกมา มีความน่ากลัวมั้ยคะ 55

นี่คือน๊อตทั้งหมดที่ฝังอยู่ในหน้าเมค่ะ ตอนที่เห็นภาพนี้ตกใจมาก จริงๆพี่ที่คลินิคได้ให้รูปที่อยู่ในห้องผ่ามาด้วยแต่เมยังทำใจดูไม่ได้ คือไมได้กลัวนะคะแต่พอเห็นแล้วมันเสียวแผลตัวเอง เลยเลือกี่จะยังไม่ดูจริงๆจังๆดีกว่า

วันที่ 3 ค่ะ ปวดโครตๆค่ะ ปวดทั้งหน้า ปวดในปาก พูดไม่ได้เลยค่ะ ทานข้าวไม่ได้เลย จำได้ว่าคุณพ่อคุณแม่มาเยี่ยมช่วงที่อยู่โรงพยาบาล คุณแม่เห็นถึงกับร้องไห้ เห็นลูกเจ็บ ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลของเมรวมทั้งหมด 5 วันค่ะ พี่ที่คลินิคมีมาเยี่ยมดูอาการเป็นระยะ น่ารักมากๆ ไถ่ถามเราตลอด รวมถึงคุณหมอก็มาดูอาการเราเป็นระยะๆ การสื่อสารของเมตอนนั้น เขียนใส่กระดาษทั้งหมดค่ะ พูดและอ้าปากไม่ได้เลยค่ะ ทนอย่างเดียวค่ะต่อจากนี้

วันที่ 5 กลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้วค่ะ ตอนอยู่โรงพยาบาลเมขอพยาบาลฉีดยาแก้ปวดตลอด เพราะปวดหนักมาก ปวดจนนอนไม่ได้ ทรมาณมากๆ พอกลับมาบ้าน กินได้แต่ยาน้ำ อยากจะบอกทรหดกว่าค่ะ ปวดมากๆ บอกตัวเองว่าอดทนๆๆๆๆ เดี๋ยวก็ผ่านไป ต้องอดทน ยังทานอะไรไม่ได้เหมือนเดิมค่ะ ต้มโจ๊คเหลวๆ กินได้แต่น้ำใส่สลิงค์ อยากจะบอกว่าคนที่ดูแลเมเป็นแฟนของเมเพราะคุณพ่อคุณแม่ของเมอยู่ตจว.มาอยู่ด้วยไม่ได้ คือ คนที่ต้องดูแลเราเนี่ยต้องอดทนมากๆเลยค่ะ เพราะเราจะงอแง งี่เง่ามากๆเพราะปวด ตอนกลางคืนเวลาปวดก็ต้องเรียกเค้าขึ้นมาช่วยป้อนยา อาการเมตอนนี้คือปวด บวมหนักมาก รวมถึงก้มหน้ามากๆเลือดซึมไหลตลอดทางจมูก ผ้ารัดหน้าใส่ตลอดนะคะ ส่วนการดูแลหน้าของเมคือโทนเนอร์อย่างเดียวเลยค่ะ แปรงฟันไม่ได้ หลังกินเสร็จบ้วนปากตลอดเลยค่ะ สำคัญมากๆไม่งั้นเดี๋ยวหลังทำต้องมานั่งดูแลฟันกันอีก งานใหญ่เลยทีนี้ ฉนั้นการดูแลความสะอาดช่องปากช่วงที่พักฟื้นสำคัญมากๆห้ามละเลยเลยนะคะ

วันที่ 7 ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปเหมือนทุกๆวัน ที่มัดฟันยังมัดอยู่ในปากนะคะ ยังอ้าปากไม่ได้เหมือนเดิมค่ะ พูดได้แต่ในลำคอ อยากจะบอกว่าช่วงนี้แหละเป็นช่วงที่แฟนรักมากกกกก เพราะปากใช้ไม่ได้ค่ะ ไม่มีคนบ่นคนเถียง 555 อาศัยเขียนและแสดงสีหน้าทางสายตาได้อย่างเดียว

วันที่ 9 คลินิคนัดตัดไหมที่โหนกค่ะ แผลด้านนอก แล้วก็เอาพลาสเตอร์ที่แปะประคองไว้ตรงช่วงคางออก โดยรวมก็ยังคงบวมอยู่ค่ะหน้า บวมมากเลยแหล่ะ กินไม่ได้เหมือนเดิมค่ะ

วันที่ 12 ลองเอาผ้ารัดหน้าออกและถ่ายรูปดู โอ้โห บวมค่ะ เห็นได้ชัดเจนว่ายังคงบวมอยู่มากๆ แต่มองคางแล้วชอบมาก คางไม่ตัดไม่สั้นแล้ว โหนกก็ไม่มีแล้ว กรามนี่ชัดเจนมากว่าหายไปเลย ดูหน้าตัวเองแล้วรู้สึกว่าละมุนขึ้นนิดนึง เริ่มมีกำลังใจขึ้นมา นับจากนี้ก็คือรอให้มันยุบอย่างเดียวเลยค่ะ ขอบอกว่ายังทานอะไรไม่ได้เหมืนเดิมนะคะ เพราะยังไม่ได้เอาที่มัดฟันออก รวมถึงอ้าปากไม่ได้ ความช้ำไม่มีเลยค่ะ แปลกมากๆ ปกติจะเป็นคนช้ำง่ายมาก ทำจมูกมานี่แบบเขียวม่วงไปทั้งหน้า นี่คือมีแต่ความบวม ความช้ำนี่ไม่มีเลยค่ะ

วันที่ 13 แอ๊บแบ๊วถ่ายรูปสักนิด ชอบมากๆๆๆๆๆๆ หน้าเด็กมาก >.<

วันที่ 15 ผ่านมาแล้วครึ่งเดือน ยังคงไม่ได้เอาที่มัดฟันออก ในปากอยากบอกว่าระบมจนด้านชาไปหมดละคะ 555 อ้าปากไมได้เช่นเดิม กินข้าวไม่ได้เช่นเดิม อาหารเหลวเหมือนเดิม กินวนไปเลยค่ะ กินยาตลอดค่ะ แต่ความปวดเริ่มบรรเทาลงบ้างนะคะ จะมีปวดหนักๆช่วงตอนกลางคืน ปวดโหนก กับขากรรไกรค่ะ ก็ต้องกินยาน้ำบรรเทาอาการปวดไปค่ะ

วันที่ 16 รู้สึกว่าวันนี้มันบวมน้อยลงนะคะ ตรงโหนก มีความชอบหน้าตัวเองมากๆ หายไปหมดเลยความเหลี่ยมบนใบหน้า

วันที่ 17 วันนี้จำได้เลยว่าอยู่ๆก็ปวดโหนกหนักมาก ปวดขากรรไกรหน่วงๆ กินยาแก้ปวดก็ไม่หาย นอนไม่หลับเลยทั้งคืน ช่วงที่พักฟื้นเมยังนอนตะแคงไม่ได้นะคะ เพราะเจ็บแผลด้านนอกมากๆ เวลาจับยังเป็นนูนๆขึ้นมา เหมือนยังบวมอยู่มาก กินยาวนไปค่ะ เลือดยังพอมีซึมอยู่บ้างนะคะถ้าเดินมากๆหรือก้มๆเงยๆมากๆ ฉนั้นช่วงที่พักฟื้นสำหรับคนทำขากรรไกรบนล่าง แนะนำว่าอย่าก้มๆเงยๆมาก เพราะเลือดอาจจะมีซึมได้ แผลมันยังไม่สนิทดีค่ะ ช่วงแรกๆต้องระวังนิดนึง ไปดูรูปรีวิวต่อยาวๆกันเลยค่า

วันที่25 เอาที่มัดฟันออกแล้วค่ะ อยากจะบอกว่าช่วงที่เอาที่มัดฟันออก เป็นอะไรที่ทรมาณสุดๆ ฉีดยาชาที่เหงือกหลายจุดมาก ระบมมไปทั้งปาก น้ำหูน้ำตาไหล พูดได้ว่ากลัวการทำอะไรเกี่ยวกับในปากขึ้นมาทันทีนับจากนี้ หลังจากเอาที่มัดฟันออก อยากจะบอกว่า คุณหมอได้เอาไหมในปากค่อยๆเลาะออกด้วย คุณหมอบอกว่าจะได้เจ็บทีเดียว คือ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายความเจ็บปวด ปากยังอ้าไม่ได้ แต่ก็ต้องอ้า คือมันเสียวในปากไปหมดเลยค่ะ เจ็บแปลบไปทั้งปาก เอาเป็นว่าช่วงที่เอาที่มัดฟันออกและตัดไหม เมกลัวยิ่งกว่าการผ่าตัดซะอีก

วันที่ 29 อยู่ๆเมก็รู้สึกว่าหน้ามันบวมๆขึ้นมาอีก อยากจะบอกว่าคนที่ผ่าตัดทุบหน้านี่ต้องอดทนอย่างเดียวเลยนะคะ จิตตกไปหลายรอบมากค่ะ เพราะบางวันก็รู้สึกบวมไม่เท่ากัน บางวันก็รู้สึกยุบ บางวันอยู่ก็บวม เป็นแบบนี้ตลอดค่ะ ส่วนเรื่องการกิน เมยังคงกินอะไรไม่ได้เหมือนเดิมนะคะ ยังใช้ฟันไม่ได้ค่ะ แต่คุณหมอฝึกให้เมบริหารปากบ่อยๆค่ะ ดูตัวอย่างรูปถัดไปได้เลยค่ะ

วันที่ 29 อยู่ๆเมก็รู้สึกว่าหน้ามันบวมๆขึ้นมาอีก อยากจะบอกว่าคนที่ผ่าตัดทุบหน้านี่ต้องอดทนอย่างเดียวเลยนะคะ จิตตกไปหลายรอบมากค่ะ เพราะบางวันก็รู้สึกบวมไม่เท่ากัน บางวันก็รู้สึกยุบ บางวันอยู่ก็บวม เป็นแบบนี้ตลอดค่ะ ส่วนเรื่องการกิน เมยังคงกินอะไรไม่ได้เหมือนเดิมนะคะ ยังใช้ฟันไม่ได้ค่ะ แต่คุณหมอฝึกให้เมบริหารปากบ่อยๆค่ะ ดูตัวอย่างรูปถัดไปได้เลยค่ะ

นี่เป็นท่าบริหารปากนะคะ อ้า และก็ทำปากจู๋ อ้าและก็ทำปากจู๋ แบบนี้สลับๆกันไปทุกๆวันค่ะ

ครบ 1 เดือนแล้วค่า หน้าเริ่มยุบขึ้นมาอีกแล้ววันนี้ แต่มองด้านข้างยังรู้สึกบวมๆอยู่ทั้งสองข้างเลยนะคะ ส่วนหน้าตรงเริ่มเข้าที่ ช่วงคางยังคงบวมๆอยู่บ้าง อาการปวดตอนนี้บรรเทาลงเยอะค่ะ จะมีเสียวแปลบตรงที่ยึดน๊อตสกรู ที่หนักๆก็จะเป็นปลายคางค่ะ ส่วนโหนกนี่ปวดทุกวันเลยค่ะ ขากรรไกรเมกลับไม่ค่อยปวดนะคะ จะมีแค่ปัญหาเรื่องการอ้าปากเพราะขากรรไกรโดนเลื่อนทั้งบนล่าง ส่วนเรื่องการกิน เมยังคงกินได้แต่อาหารเหลวๆค่ะ ดีกว่าเดิมนิดนึงตรงที่ กินพวกโจ๊คเหลวๆนะคะได้บ้างแล้ว ไม่ใช่น้ำๆอย่างเดียว เริ่มมีเม็ดข้าวแหลก ย้ำนะคะว่าต้องแหลก คือเอาเข้าปากแล้วต้องกลืนเลย ยังใช้ฟันบดเคี้ยวไมได้ค่ะ

วันที่ 44 รู้สึกว่าโหนกด้านขวามันบวมขึ้นมานิดนึงค่ะ แอบจิตตกไปนิดนึง แต่ก็ปลอบตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น เดี๋ยวมันก็หาย อยากจะบอกว่าตั้งแต่ย้ายขากรรไกร ปรับรูปหน้า ตาเมลึกลงไปมากๆค่ะ เพราะโครงสร้างหน้าเราโดนปรับหมด จากที่แลดูผอมดูลึกอยู่แล้ว ลึกลงไปอีกค่ะ รออย่างเดียวเลยค่ะ รอให้ยุบทั้งหมดอย่างเดียวเลยค่ะ อดทนๆๆๆๆ

2 เดือนนิดๆแล้วค่า หน้าเริ่มยุบลงไปอย่างเห็นได้ชัด โหนกยุบลงกว่าเดือนแรก เริ่มเข้าที่ เริ่มยุบเกือบทั้งหมด ระยะเวลาในการให้หน้าเข้าที่จริงๆสำหรับเคสของเม ประมาณ 6 เดือน – 1ปีเลยนะคะ อดทนอย่างเดียวค่ะ แต่สำหรับการใช้ชีวิตก็คือใช้ชีวิตได้ปกติเลยนะคะ เริ่มกลับไปรับงานถ่ายได้บ้างแล้วค่ะ อาจจะมีบวมๆอยู่บ้าง แต่นับว่าถายรูปออกมาแล้วหน้าเปลี่ยนไปเยอะมากเลยค่ะ เพราะเราเห็นหน้าเราทุกวัน บางทีก็แอบถามตัวเองอยู่ว่าทำมาตั้งเยอะทำไมไม่เห็นเปลี่ยนเลย แต่พอมานั่งย้อนดูรูปตั้งแต่แรกทำ เอามาเทียบกัน มันเปลี่ยนไปจริงๆค่ะ เปลี่ยนไปมากๆ นับตั้งแต่รูปนี้เมเริ่มจะไปทำการปรับเปลี่ยนแก้ไขบางจุดที่ยังมีข้อบกพร่องทางใบหน้าแล้วนะคะ นั่นคือ แอบไปเย็บปีกจมูกมาเพิ่มค่ะ เนื่องจากหลังการผ่าตัดใบหน้ามา ช่วงขากรรไกรบนล่างโดนยกทั้งหมด ทำให้โครงสร้างใบหน้าของเราปรับเปลี่ยน รูจมูกเมกว้างขึ้นค่ะ จากที่กว้างอยู่แล้ว กว้างขึ้นไปอีกค่ะ ฉนั้นเมจึงตัดสินใจเย็บปีกจมูกต่อ ทำกับที่ DRK CLINIC นี่แหละค่ะ สำหรับรีวิวปีกจมูก ไว้เมจะมารีวิวเพิ่มให้นะคะ

วันที่ 79 วันนี้เมไปเย็บปีกจมูกมาแล้วนะคะ นับตั้งแต่รูปนี้จะมีการเย็บปีกจมูกเพิ่มขึ้นมาค่ะ สำหรับหน้าของเม บางวันยังรู้สึกได้ว่ามีบวมขึ้นมาบ้าง แต่บางวันก็ปกติ ส่วนเรื่องการกิน เมเริ่มกลับมากินได้ปกติแล้วค่ะ แต่อาหารแข็งๆที่ต้องใช้ฟันหนัก ยังค่ะ ยังไม่อยากทาน รอให้เข้าที่กว่านี้อีกหน่อยดีกว่า แปรงฟันอะไรได้ปกติแล้วนะคะ แต่แปรงเบาๆนะคะ ส่วนอาการปวด ไม่ค่อยมีแล้วนะคะ จะมีเสียวๆช่วงคางและปวดโหนกอยู่บ้าง แต่ก็นานๆทีค่ะ

วันที่ 81 จะครบ 3 เดือนละค่า โดยรวมก็คือยุบลงเรื่อยๆนะคะ หน้าละมุนขึ้นมากๆค่ะ ถ่ายรูปออกมาคือเห็นชัดเจนเลยว่าหน้าซอฟลงเยอะมาก จิ้มลิ้มขึ้น อาการปวดไม่มีแล้วค่ะ แค่ยังมีอาการตึงๆของแผลที่เย็บรอบปากทั้งบนล่าง แต่เมคิดว่าตรงนี้ต้องใช้เวลาอย่างเดียว บวกกับเราต้องฝึกบริหารไปด้วย

3 เดือนนิดๆแล้วค่า หน้ายุบลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากนี้โปรแกรมต่อไปของเมคือฉีดไขมัน เติมเต็มส่วนที่ขาดค่ะ เนื่องจากว่าอยากได้ความเป๊ะของใบหน้า รวมถึงอยากให้ความลึกของใต้ตามันหายไป มันจะได้ลงตัว ตอนนี้เมทานอาหารได้ปกติแล้วนะคะ เคี้ยวอะไรที่มันเป็นอาหารที่ปกติได้แล้ว แข็งๆมากยังไม่กล้าค่ะ ยังมีความกลัวอยู่ โดยรวมถือว่ากลับมาปกติทั้งหมดแล้วค่ะ รอให้หน้าเข้าที่อย่างเดียวเลยค่ะนับจากนี้

รูปสุดท้ายละเน้อะ เมขอสรุปทั้งหมดเลยนะค่ะ หลังจากที่ได้ทำการผ่าตัดขากรรไกรและทำวีไลน์มา โหนกเมไม่มีแล้วค่ะ กรามไม่มีเลยค่ะจากที่เป็นสันเหลี่ยมๆ หายไปหมดเลยค่ะ คางมีความเรียวยาวขึ้น เส้นผ่าศูนย์กลางของใบหน้ากลับมาตรงไม่เบี้ยวเหมือนก่อนแล้วค่ะ หน้าจากที่เบี้ยวๆหายไปแล้วค่ะ แล้วตอนนี้เมก็สามารถยิ้มเห็นฟันได้แล้วด้วยนะคะ ดีใจมากๆเลยค่ะ แค่ยังต้องฝึกอีกหน่อย เพราะไม่ค่อยกล้ายิ้มเห็นฟันเลย พอมายิ้มได้ทำให้ไม่ชินสักเท่าไหร่ ยังชินกับการไม่ยิ้มอยู่ รูปต่อไปไปดูหลังจากที่เมได้ผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้าทั้งหมดแล้วนะคะว่ามีความเปลี่ยนไปแค่ไหน เดี๋ยวจะเอารูปมาเทียบให้ดูกันด้วยค่ะ

ดีใจจัง ยิ้มเห็นฟันกับเค้าได้สักที หน้าเรียวเล็กมากๆค่ะ กราม โหนก ไม่มีให้กวนใจอีกแล้วค่ะ รูปทุกรูปไม่ผ่าน app ดัดแปรงใบหน้าแต่อย่างใดนะคะ

ทีนี้เมขอสรุปไล่เรียงความเปลี่ยนแปลงคร่าวๆให้ดูนะคะ เมได้ไปขอรูปจากทางคลินิคมาเพื่อเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง เพราะมองเท่าไหร่ก็เอ๊ะ! ทำไมไม่เปลี่ยนเลย แต่พอลองมาเทียบไล่ดูทุกมุม เอิ่ม! มันเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ แค่ไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่เปลี่ยนไปในมุมที่มีความละมุนขึ้น หน้าหวานขึ้น สัดส่วนใบหน้าสมส่วนขึ้น ยังไงลองดูกันนะคะ

เปรียบเทียบมุมก่อนหลังชัดๆอีกรอบนะคะ

ภาพงานถ่ายค่ะ หน้าเปลี่ยนไปมากๆ ค่ะ

ต่อไปเมจะเทียบใบหน้าเดิมกับหน้าล่าสุดให้ดูนะคะ

รูปสุดท้ายค่ะ มีความเบ๊ะปากให้หน้าเดิม 555

Featured Posts
Recent Posts
Search By Tags
bottom of page