top of page

ศัลยกรรมดูดไขมันใต้คาง

บริเวณไขมันใต้คางหรือคางสองชั้น (เหนียง) การดูดไขมันใต้คางช่วยกำจัดส่วนเกินของปัญหานี้ได้ดีเพื่อเน้นรูปหน้าและกรอบหน้าที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เทคนิค ดีอาร์เค บิวตี้ คลินิก ใช้วิธีการดูดไขมันด้วย vaser liposuction นอกจากจะช่วยให้เห็นกรอบหน้าได้ชัดเจนแล้ว ยังช่วยให้รูปหน้าดูผอมลง และใบหน้าอ่อนเยาว์ลงอีกด้วย ศัลยกรรมดูดไขมันใต้คางจึงเหมาะสำหรับกับบุคคลที่มีไขมันใต้คางค่อนข้างมากเพราะหลังทำช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน

ดูดไขมันใต้คางเทคนิเฉพาะ ดีอาร์เค บิวตี้ คลินิก
  1. ศัลยกรรมดูดไขมันใต้คางเทคนิคพิเศษ โดยใช้เข็มที่เล็กเป็นพิเศษทำให้มีแผลเป็นที่เล็กมาก

  2. การดูดไขมันใช้ยาชาเฉพาะที่

  3. การฟื้นตัวเร็ว ไม่ต้องพักนาน

  4. ให้ผลการรักษาที่ดูเป็นธรรมชาติ

ศัลยกรรมดูดไขมันใต้คางเหมาะกับ
  1. เหมาะสำหรับคนที่มีคางสองชั้นหรือเหนียงค่อนข้างเยอะ

  2. สำหรับคนที่อายุยังไม่มาก เนื่องจากผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีเพราะกระชับของผิวหนังที่ดีกว่า

  3. ต้องการให้มีกรอบหน้า (Jawline) ที่ชัดขึ้น ทำให้หน้าเรียวมากขึ้น

  4. ศัลยกรรมดูดไขมันใต้คางสามารถทำร่วมกับการศัลยกรรมเสริมคาง หรือทำจมูกเพื่อให้มีรูปหน้าที่เรียว วีเชฟ สวยงามยิ่งขึ้น

ศัลยกรรมดูดไขมันใต้คางอยู่ได้นานแค่ไหน

ศัลยกรรมดูดไขมันใต้คางคือวิธีการการทำลายเซลล์ไขมันให้ตายจึงไม่เหมือนกับการลดไขมัน ในวิธีอื่นๆ ดังนั้นไขมันใต้คางที่ดูดออกไปนั้นไม่กลับมาอีกแน่นอน ทั้งนี้ควรคงมาตราฐานน้ำหนักและสัดส่วนให้คงทีในก่อนและหลังทำเพื่อไม่ให้เกิดไขมันใต้คาง

 

ลักษณะแผลดูดใต้คาง

ศัลยกรรมดูดไขมันใต้คางที่รวดเร็วและไม่ยุ่งยาก โดยศัลยแพทย์ ดีอาร์เค บิวตี้ คลินิก ลงแผล 1-2 จุด ขนาด 3มม. โดยประมาณซึ่งแผลจะถูกซ่อนอยู่บริเวณใต้คางหรือหลังหูขึงทำให้ไม่เห็นแผลชัด (ยิ่งนานแผลจะค่อยๆจางลง)

 

ระยะเวลาในการดูดไขมันใต้คาง 1 – 2 ชม.

ขั้นตอนการดูดไขมันใต้คาง
ขั้นตอนการดูดไขมันใต้คาง
  1. เปิดแผลผ่าตัดเล็กๆ โดยทั่วไปจะซ่อนแผลเป็นในตำแหน่งที่เห็นไม่ชัด เช่น หลังใบหู หรือใต้คาง

  2. ฉีดสารละลายที่เป็นยาชาและยาหยุดเลือดใต้ผิวหนังรอประมาณ 10 นาที

  3. ดูดไขมันโดยใช้หัวดูดขนาดเล็ก ดูดในตำแหน่งที่ต้องการ

  4. เย็บปิดแผล ถ้าแผลขนาดเล็กอาจไม่ต้องเย็บปิดแผล

  5. ปิดแผล

การดูแลหลังผ่าตัด
  1. นอนยกศรีษะสูงประมาณ 1 - 2 อาทิตย์ เพื่อลดอาการบวมหลังผ่าตัด

  2. ทานยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบตามที่แพทย์จ่ายให้

  3. ผ้าพันศรีษะพันไว้ประมาณ 3 วัน เพื่อลดอาการบวมได้ดี

  4. นัดตัดไหมประมาณ 5 วัน

  5. หมั่นประคบเย็นพื่อลดอาการบวม

  6. รับประทานยาตามแพทย์สั่งถ้าเกิดอาการแพ้ยา เช่น มีผื่นแดง, คัน,คลื่นไส้,อาเจียน, แน่นหน้าอก มาพบแพทย์หรือแจ้งให้แพทย์ทราบทันที

  7. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ 2 อาทิตย์หลังการผ่าตัด

  8. ถ้ามีอาการเลือดออกมากผิดปกติ หรือบวมมากควรแจ้งแพทย์โดยทันที

  9. สามารถใช้กิจวัตรประจำวันได้หลัง 1-2 สัปดาห์

bottom of page