top of page

ศัลยกรรมเสริมหน้าอก

ปัจจุบันนี้ผู้หญิงได้หันมากเลือกศัลยกรรมเสริมหน้าอกเป็นอย่างมากเพื่อต้องการเน้นสัดส่วนและหุ่นที่โค้งเว้าเพื่อการแต่งตัวและบุคคลิกที่ดี โดยธรรมชาติของผู้หญิงจึงอยากมีขนาดหน้าอกที่เป็นธรรมชาติได้สัดส่วนที่สวยงาม ศัลยกรรมเสริมหน้าอกจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้หญิงโดยปัจจุบันศัลยแพท

ย์ตกแต่งเฉพาะทางได้พัฒนาความรู้และเทคนิคมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีหลาก หลายทางเลือก

แต่หากเพื่อความปลอดภัยการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอกควรได้รับการผ่าตัดจากศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางจึงจะดีที่สุด

ศัลยกรรมเสริมหน้าอกโดยใช้ถุงเต้าเทียม ดีอาร์เค บิวตี้ คลินิก เลือกใช้วัสดุ Mentor โดยผ่านการรับรองมาตราฐาน FDA จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซิลิโคนนี้ศัลยแพทย์ได้รับการเชื่อมั่นจากการวิจัยในการศัลยกรรมหน้าอกที่ปลอดภัยไม่เสี่ยงต่อการรั่วซึมในอนาคต อีกทั้งศัลยกรรมเสริมหน้าอกโดยการวางยาสลบด้วยวิสัญญีแพทย์เฉพาะทาง

Cohesive Gel Silicone

ศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเจล Cohesive gel หรือเรียกว่า Gummy bear gel โดย Gel ชนิดนี้คงรูปร่าง รูปทรง ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นที่นิยมมากกว่าถุงน้ำเกลือที่มีโอกาสรั่วซึม ในขณะที่ Cohesive Gel หากเสื่อมสภาพจะไม่รั่วไหลออกมาสู่ร่างกาย อีกทั้งซิลิโคนเจลได้รับการรับรองจาก FDA

ไม่เป็นอันตรายและปลอดภัย

รูปแบบของซิลิโคนมี 2 แบบ
  • รูปทรงกลม Round Implant

  • รูปทรงหยดน้ำ Shaped Implants

**ชาจ์ภาพของซิลิโคนทรงกลมและหยดน้ำ**

ลักษณะผิวของถุงซิลิโคน
  1. ผิวเรียบ (Smooth Implant) จะมีความหนาน้อยกว่าผิวทราย ทำให้เวลาสัมผัสจะรู้สึกนิ่มกว่า การเคลื่อนถุงทำได้ง่ายและรอบทิศทางโอกาสในการเกิดรอยพับของถุงน้อยกว่าผิวทราย รวมถึงการเกิดพังผืดมากกว่าผิวทรายเช่นกัน

  2. ผิวทราย (Textured Implant) จะมีความหนากว่าผิวเรียบและด้วยผิวสัมผัสที่เป็นผิวทรายทำให้เกิดรอยพับของถุงมากกว่าผิวเรียบ การเคลื่อนถุงสามารถทำได้ในระดับหนึ่งไม่สามารถเคลื่อนไหวรอบทิศทางเหมือนผิวเรียบได้

วิธีการผ่าตัดเสริมหน้าอก

 

Periareola หรือ ผ่าตัดบริเวณปานนม

  1. ต้องมีการผ่าตัดผ่านเนื้อเต้านม ทำให้อาจมีอาการชาของหัวนมได้และอาจจะหมดความรูสึกในส่วนนี้ไป

  2. เทคนิคนี้ขนาดหัวนมต้องมีขนาดใหญ่พอ

  3. เหมาะกับบางรายที่มีผิวหนังที่ยืดหยุ่นได้ดีและหนาพอไม่เหมาะกับคนที่มีผิวบางเกินไปรวมไปถึงการใส่ซิลิโคนที่ใหญ่เกินไป

  4. ในคนเอเชียบริเวณขอบปานนมจะไม่เป็นที่นิยมเพราะจะเห็นแผลเป็นค่อนข้างชัดจะใช้วิธีซ่อนแผลรอบปานนม

Transaxillary หรือ ผ่าตัดบริเวณรักแร้

  1. บาดแผลจะซ่อนอยู่ทางใต้รักแร้ไปตามรอยพับของผิวหนังข้อดีคือสามารถซ่อนแผลเป็นได้ง่ายแผลบริเวณนี้มักใช้ในกรณีที่ไม่ต้องการให้มีแผลบริเวณเต้านมเลย

  2. แต่ระยะทางจากรักแร้ถึงทรวงอกนั้นค่อนข้างไกล การเลาะพังผืดเนื้อเยื่อเพื่อใส่ซิลิโคนก็อาจทำให้เกิดการบอบช้ำได้มากกว่า

  3. วิธีนี้ไม่เหมาะกับการใส่ซิลิโคนชนิดหยดน้ำที่ต้องจัดให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เพราะลักษณะซิลิโคนที่ไม่สมมาตร การใส่จะต้องได้ตำแหน่งที่ถูกต้องฝั่งที่มีความนูนจะต้องอยู่กึ่งกลางพอดี

  4. ข้อเสียคือ มีโอกาสที่เต้านมซิลิโคนจะเคลื่อนขึ้นสูงกว่าปกติได้

  5. ปัจจุบันมีเทคนิคใส่ซิลิโคนโดยใช้กล้องสอดมาช่วย

Inframammary หรือ ผ่าตัดบริเวณใต้ราวนม

  1. แผลผ่าตัดจะอยู่บริเวณส่วนที่ต่ำสุดของเต้านม โดยจะซ่อนอยู่ในขอบชั้นในเหมาะกับคนที่ชอบใส่เสื้อแขนกุด

  2. แพทย์สามารถจัดตำแหน่งของเต้านมที่เสริมและห้ามเลือดระหว่างผ่าตัดได้เหมาะกับการเสริมเต้านมแบบทรงหยดน้ำ ทั้งนี้จะมีความบอบช้ำน้อยแผลโดยมากจะอยู่ในรอยพับระหว่าง เต้านมกับทรวงอกจึงมองแผลไม่เห็นชัด

  3. ข้อเสียคือจะมีแผลเป็นบริเวณหน้าอกซึ่งบางคนอาจจะไม่ชอบหรือกังวลใจว่าจะเห็นแผลได้ง่ายในเวลานอนหงาย

ลักษณะการเสริมหน้าอกในแต่ละเทคนิค

การเตรียมตัวก่อนผ่าตักศัลยกรรมเสริมหน้าอก
  1. ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ 2 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด

  2. งดวิตามิน หรือยาสมุนไพรทุกชนิด กระเทียม ใบแปะก๊วย 2 - 4 สัปดาห์

  3. งดยากลุ่ม แอสไพริน ยาแก้ปวด ยาต้านอาการซึมเศร้า ยากระตุ้นประสาท 2 - 4 สัปดาห์

  4. งดทานยาลดน้ำหนัก 4 สัปดาห์

  5. ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีความเสี่ยงต่อผลเลือดต้องมีใบรับรองแพทย์จากแพทย์ที่ท่านรักษา เพื่อยืนยันการผ่าตัด

  6. ผู้ที่คลำพบก้อนบริเวณเต้านมต้องมีผลการตรวจชัดเจน และควรผ่าตัดเอาก้อนออก พร้อมผลตรวจสุขภาพว่าไม่ใช่เนื้อร้าย

  7. ผู้ที่มีผลเลือด HIV เป็นบวก ต้องมีผล CD4 มาพร้อมกับใบรับรองแพทย์ที่ท่านรักษา โดยราคาค่าผ่าตัดผู้ที่มีผลเลือด HIV เป็นบวก จะเพิ่มอีก 100%

  8. ควรหลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงมีประจำเดือน เนื่องจากจะทำให้ดูแลตัวเองได้ยากขึ้น

  9. ควรลาหยุดงานประมาณ 1 - 2 สัปดาห์

ขั้นตอนการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอก
  1. เปิดแผลในตำแหน่งที่ตกลงกับแพทย์ไว้ก่อนการผ่าตัด

  2. แพทย์จะทำช่องว่างไว้ผ่านทางแผลเปิด โดยอาจทำตามตำแหน่งที่จะวางซิลิโคนตามที่ตกลงกับแพทย์ไว้

  3. ใส่ถุงซิลิโคนเข้าไปยังตำแหน่งที่ทำช่องว่างรอไว้แล้ว

  4. ขยับช่องว่างจนได้ขนาดกว้างกว่าถุงซิลิโคน และไม่มีรอยยับของถุง

  5. ล้างแผลและช่องว่างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ

  6. เย็บปิดแผล

  7. ใช้ผ้ายืดพันบริเวณเต้านม เพื่อลดการไหลของเลือดและทำให้ถุงซิลิโคนอยู่ในตำแหน่งปกติ

การดูแลหลังผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอก
  1. แผลผ่าตัด: แผลหลังผ่าตัดจะเย็บไว้ด้วยไหมที่ไม่สลาย หลังการผ่าตัด 5 วัน แพทย์จะนัดมาตัดไหม ควรมาตัดไหมตามกำหนดของแผลเพื่อลดการเกิดแผลเป็นจากไหม ทำความสะอาดแผลโดยการเช็ดด้วยเบตาดีน หรือน้ำเกลือสะอาด วันละ 1 - 2 ครั้ง เช้า - เย็น ควรงดการอาบน้ำโดยวิธีทำความสะอาดโดยการเช็ดตัวท่อนบนจนกว่าจะตัดไหม

  2. การรับประทานอาหารและยา: ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และรับประทานยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด งดเว้นการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่และอาหารหมักดอง จนกว่าแผลจะหายดี

  3. การจัดท่า: ควรนอนยกศีรษะสูง หนุนหมอน 2 ใบ และควรนอนในท่านอนหงาย ไม่ควรนอนตะแคงหรือนอนคว่ำในช่วง 1 - 2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด เนื่องจากท่าหนอนหงายจะทำให้ถุงซิลิโคนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

  4. การทำกิจวัตรประจำวัน: งดเว้นการอุ้มเด็ก และทำงานบ้านประมาณ 1 สัปดาห์ ไม่ควรยกของหนักเกิน 1 กก. ใน 3 สัปดาห์แรก สามารถขับรถได้หลัง 1 สัปดาห์ไปแล้ว เนื่องจากหลังผ่าตัดใหม่ๆ ยังทำให้หมุนพวงมาลัยรถได้ลำบาก

  5. รอยแผลเป็น: สามารถทายาลดรอยแผลเป็นได้ หลังจากแผลผ่าตัดหายสนิทดีแล้วควรทาครีมกันแดดควบคู่ไปด้วย จะทำให้แผลเป็นจางเร็วขึ้น

  6. การใช้ยกทรง: ให้ใช้ยกทรงแบบไม่มีโครง หรือ Support Bra ประมาณ 1 เดือน หรือตามแต่ดุลยพินิจของแพทย์พิจารณา

  7. การออกกำลังกาย: งดออกกำลังกายในช่วง 3 สัปดาห์แรก สามารถออกกำลังกายได้ปกติ หลังจาก 1 เดือนไปแล้ว

สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้หลังผ่าตัด
  1. มีอาการชาหรือเจ็บแปลบๆ บริเวณเต้านมหรือหัวนม อาการดังกล่าวจะดีขึ้น 3 - 6 เดือน

  2. ขนาดของเต้านมจะไม่เท่ากัน ซึ่งเต้านม 2 ข้าง จะดูไกล้เคียงกันและเป็นธรรมชาติต้องใช้เวลาซักระยะ โดยประมาณ 1 - 2 เดือน

  3. อาการปวด หากเป็นการเสริมแบบเหนือกล้ามเนื้อจะใช้เวลา 1 สัปดาห์ส่วนใต้กล้ามเนื้ออาจจะประมาณ 2 - 3 สัปดาห์

  4. อาการคันรอบเต้านม เกิดเนื่องจากผิวหนังมีการตึงขึ้นจากการขยายตัวของเต้านม สามารถใช้โลชั่นทาได้ อาการจะดีขึ้นเองประมาณ 1 - 2 สัปดาห์

  5. อาการบวมตึง จะค่อยๆ ลดลง ใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์

  6. อาการเขียวช้ำ จะค่อยๆ ลดลง ประมาณ 3 สัปดาห์

**รูปการ์ดใบรับประกันของ mentor พร้อมกล่อง**

Mentor
  1. รูปทรงกลาง

  2. น้ำหนักของถุงซิลิโคน

  3. ขนาดความกว้าง,ความสูงของถุงซิลิโคน

  4. ผิวทราย

  5. ทรงกลม

  6. serial number หมายเลขประจำซิลิโคน

ซิลิโคนเสริมหน้าอก MOTIVA 

 

 ซิลิโคน Motiva ได้พัฒนาซิลิโคนให้มีข้อดีและส่งผลดีต่อร่างกายของมนุษย์ ทำจากวัสดุซิลิโคนชนิดเจลด้วยเทคโนโยลีใหม่ล่าสุดด้วยกรรมวิธี ergonomic (สรีระศาสตร์) ที่มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถลดขนาดรอยกรีดยาวของแผลผ่าตัด อีกทั้งวัสดุชนิดนี้ยังเป็นวัสดุเสริมระดับพรีเมี่ยม รูปทรงมีความถ่วงสมดุลเข้ากับสรีระ แก้ไขให้การเคลื่อนไหวของหน้าอกและรูปร่างมีความเป็นธรรมชาติ รวมทั้งความรู้สึกจากการสัมผัสที่เสมือนหน้าอกจริง

 

Motiva ได้รับการตรวจสอบและยืนยันจากสถาบัน FDA ว่าเป็นซิลิโคนที่ปลอดภัย ไม่เพียงแค่เคสที่ทำหน้าอกครั้งแรกเท่านั้น สำหรับเคสที่แก้ไขหน้าอกรอบสอง ก็มีความปลอดภัยสูงเช่นกัน ซิลิโคนโมติวาจึงได้รับการกล่าวขานว่า เป็นซิลิโคนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุดในขณะนี้

Motiva เป็นซิลิโคนรุ่นใหม่ที่โด่งดังและนิยมมากในที่ประเทศเกาหลี  แต่มีฐานการผลิตอยู่ที่อเมริกาใต้และบริษัทแม่ตั้งอยู่ที่ New York แต่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับสาวๆ ที่เกาหลีในขณะนี้ และตอนนี้ได้เปิดตัวที่ประเทศไทย ผ่านการรับรองโดย อย.ของไทย ว่าเป็นซิลิโคนที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย 

ภาพประกอบบทความ Motiva-01.jpg

Motiva เหมาะสมกับผู้หญิงที่มีผิวบางได้อย่างดี มีสัมผัสอ่อนนุ่มมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังลดการฉีกขาดและเคลื่อนที่ของซิลิโคน ด้วยซิลิโคนเจลบวกกับชั้นเสริมอย่าง BluSeal® มีผิวสัมผัสแบบ Nano Texture ผิวอ่อนนุ่มคล้ายกำมะหยี่ ยับยั้งการเกิดพังผืดรัดถุงซิลิโคนได้ดียิ่งขึ้น ไม่เห็นเป็นคลื่นหรือเห็นขอบซิลิโคนแม้ผิวบาง และสัมผัสอ่อนนุ่มโดยไม่ต้องนวด

 

AW ข้อดีของ Motiva Ergonomix 2-01.jpg
bottom of page